นายประสงค์  พูนธเนศอธิบดีกรมศุลกากร ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงการให้บริการรับชำระค่าภาษีอากรทางอิเล็กทรอนิกส์โดยผ่านระบบตัดบัญชีอัตโนมัติของธนาคาร กับผู้บริหารธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย)จำกัด(มหาชน)นายกมัลกานต์ อากาวัล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสถาบันธนกิจ ณ ห้องประชุมภาศกรวงศ์กรมศุลกากร คลองเตย

อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า กรมศุลกากรมีนโยบาย สร้างความโปร่งใส รวดเร็ว     อำนวยความสะดวกในการนำเข้าและส่งออกสินค้า เพื่อลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการ ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า โดยนำระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ (e-Customs) มาใช้ในการผ่านพิธีการศุลกากร รวมทั้ง อำนวยความสะดวกในการชำระเงินค่าภาษีอากรทางอิเล็กทรอนิกส์

กรมศุลกากรจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ซึ่งเป็นธนาคาร   ชั้นนำอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย ได้ให้ความร่วมมือกับกรมศุลกากรในการพัฒนาระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์โดยเข้าร่วมเป็น Customs Bank ลำดับที่ 12 เพื่อขยายการให้บริการชำระเงินและวางประกันค่าภาษีอากรทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยวิธีตัดบัญชีเงินฝากธนาคารโดยอัตโนมัติ แก่ผู้ประกอบการนำเข้าและส่งออกให้สามารถใช้บริการได้หลากหลายธนาคารยิ่งขึ้น
  
ที่ผ่านมา กรมศุลกากรได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงการให้บริการรับชำระค่าภาษีอากรทางอิเล็กทรอนิกส์กับธนาคารต่างๆมาโดยตลอด ตั้งแต่ปี 2549 ถึง 2553 รวมทั้งสิ้น 11 ธนาคาร ได้แก่ บมจ. ธนาคารกรุงเทพฯ  บมจ. ธนาคารกสิกรไทย  บมจ. ธนาคารกรุงไทย  บมจ. ธนาคารไทยพานิชย์  ธนาคารซิตี้แบงก์  ธนาคารซุมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น  บมจ.ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย  บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา  ธนาคารดอยซ์แบงค์  ธนาคารมิซูโฮ คอร์ปอเรต จำกัด  ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด
  
อธิบดีกรมศุลกากร เพิ่มเติมว่า การให้บริการรับชำระค่าภาษีอากรโดยหักบัญชีเงินฝากธนาคารโดยอัตโนมัติระบบนี้ เริ่มเปิดให้บริการ ตั้งแต่เดือน มิถุนายน 2550 โดยมีจำนวนผู้เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นในทุกๆปีอย่างต่อเนื่อง โดยในปีงบประมาณ 2553 มีผู้ประกอบการมาใช้บริการคิดเป็นจำนวน  ใบขนสินค้า 282,737 ฉบับ คิดเป็นจำนวนเงินภาษีอากร 60,700 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.95ของจำนวนที่รับชำระทั้งหมด  และในปีงบประมาณ 2554 จนถึงปัจจุบัน (ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2553 – เดือนพฤษภาคม 2554) มีผู้ประกอบการมาใช้บริการคิดเป็นจำนวนใบขนสินค้า 280,593 ฉบับ     คิดเป็นจำนวนเงินค่าภาษีอากร 58,260 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20.16 ของจำนวนที่รับชำระทั้งหมด

แหล่งที่มา:ฐานเศรษฐกิจ